ประเทศที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่างจีนได้เริ่มต้นปีอย่างแข็งแกร่งหลังจากยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม เกิดความกังวลขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจแทบจะไม่ได้เติบโตขึ้นเลยในไตรมาสที่สอง ทำให้เกิดความกลัวว่าอาจจะเกิดเศรษฐกิจซบเซาได้ซึ่งคล้ายกับ ‘ทศวรรษที่สาบสูญของญี่ปุ่น’ (Japan’s Lost Decade)
เศรษฐกิจสูญเสียโมเมนตัมในไตรมาสที่ 2 สร้างความเสี่ยงต่อเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของปักกิ่ง และสร้างความกังวลในวงกว้างเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เมื่ออุปสงค์ลดลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ แรงกดดันของผู้กำหนดนโยบายในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีเพิ่มมากขึ้นเพื่อหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
แม้อาจจะมีความจำเป็นในการแทรกแทรงทางเศรษฐกิจ แต่ทางปักกิ่งได้พูดเป็นนัยว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะยังคงมีขอบเขตจำกัด ซึ่งสะท้อนถึงเป้าหมายการเติบโตที่อาจจะไม่สูงมากนักที่ประมาณ 5% สำหรับปีนี้
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายนี้ก็มีความเสี่ยง เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของ Citigroup Inc. ได้ลดการคาดการณ์การเติบโตของจีนในปี 2023 เหลือ 5% จาก 5.5% ในทำนองเดียวกัน Morgan Stanley ปรับประมาณการเป็น 5% จาก 5.7% ในขณะที่ UOB Ltd. และ JPMorgan Chase & Co. คาดว่าจะขยายตัวในลักษณะเดียวกัน ลดลงจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 5.6% และ 5.5% ตามลำดับ
ขณะนี้ทางการจีนเผชิญหน้ากับปัญหาในการควบคุมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็ต้องจัดการกับปัญหาการว่างงานและหลีกเลี่ยงการกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไปซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านหนี้สินและความไม่สมดุลของโครงสร้างในประเทศ
บทความนี้เจาะลึกถึงการประเมินประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ของจีน รวมถึงโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และการตอบสนองของตลาด
ส่วนที่ 1: ประเมินเศรษฐกิจของจีนในไตรมาส 2
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เศรษฐกิจของจีนมีสัญญาณฟื้นตัวหลังโควิด-19 ซึ่ง GDP ในครึ่งปีเติบโตกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไตรมาสที่สอง่มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ภาคการบริการและการบริโภค ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและการผลิตเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตรายเดือนได้ลดลงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจในปีนี้
เศรษฐกิจจีนในครึ่งแรกของปี 2023
- GDP ครึ่งปีแรก ของปี 2023: 59.3 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 8.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) +5.5% y/y
- GDP ไตรมาสที่ 2 ของปี 2023: 30.8 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 4.29 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) +6.8% y/y
- ยอดค้าปลีก: 22.76 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 3.17 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) +8.2% y/y
- ผลผลิตอุตสาหกรรม: +3.8% y/y
- การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร: 24.3 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 3.38 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) +3.8% y/y
- การค้าต่างประเทศ: 20.1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) +2.1% y/y
แม้ปัจจัยบวกจะเกิดขึ้นก็ตาม แต่ GDP ของจีนก็เพิ่มขึ้นเพียง 0.8% ในเดือนเมษายนถึงมิถุนายนจากไตรมาสก่อนหน้า ตัวเลขนี้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และต่ำกว่าการขยายตัว 2.2% ในช่วงไตรมาสแรก
เมื่อเทียบเป็นรายปี GDP ขยายตัว 6.3% ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการเติบโตจาก 4.5% ในช่วงสามเดือนแรกของปี อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตนี้ยังคงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 7.3%
มาตรการล็อกดาวน์จากการระบาดในมณฑลหลักในปีที่แล้ว สร้างความเปลี่ยนแปลงต่ออัตราการเติบโตประจำปีอย่างมาก ซึ่งเร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 2021
นักเศรษฐศาสตร์อย่าง Carol Kong จากธนาคาร Commonwealth Bank of Australia ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลังโควิดในประเทศจีน แม้จะมีตัวบ่งชี้ถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่การฟื้นตัวโดยรวมยังดูไม่มั่นคงและไม่แน่นอน ประเทศจีนยังเผชิญกับอัตราการว่างงานของเยาวชนที่สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้ปัญหาทางเศรษฐกิจของจีนซับซ้อนมากขึ้น
การพัฒนาเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอาจจะพลาดเป้าอย่างเล็กน้อยที่ 5% ในปี 2023 ตามที่นักเศรษฐศาสตร์บางคนได้วิเคราะห์ไว้ ข้อมูลล่าสุดได้บ่งชี้ว่ายอดค้าปลีกเติบโตในอัตรา 3.1% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับการพุ่งขึ้น 12.7% ในเดือนพฤษภาคม แม้ว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจะเร่งขึ้นเป็น 4.4% ในเดือนมิถุนายนจาก 3.5% ในเดือนพฤษภาคม แต่แรงอุปสงค์ยังคงน้อยอยู่
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคเอกชนหดตัว 0.2% ในช่วงครึ่งแรกของปี ซึ่งตรงกันข้ามกับการเติบโต 8.1% ของการลงทุนโดยหน่วยงานของรัฐ เผยให้เห็นสัญญาณความเชื่อมั่นของธุรกิจเอกชนที่อ่อนแอลง นอกจากนี้ การส่งออกยังเผชิญกับการชะลอตัว และภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงประสบกับแนวโน้มขาลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวม
ท่ามกลางความกังวลความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น และเป้าหมายการเติบโตของจีนในปี 2023 มีแผนที่จะดำเนินการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น การใช้จ่ายของภาคการคลังในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการสนับสนุนผู้บริโภคและบริษัทเอกชน และการผ่อนคลายนโยบายของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าอย่าเพิ่งคาดหวังการฟื้นตัวในทันที
การตอบสนองของผู้กำหนดนโยบาย และมาตรการกระตุ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของจีน
ในระหว่างการประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2023 ผู้กำหนดนโยบายของจีนตอบสนองต่อปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นโดยได้ให้คำมั่นที่จะยกระดับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยยอมรับว่าเกิดความยากลำบาก “ครั้งใหม่” ที่เศรษฐกิจต้องเผชิญ
ภายหลังการประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์ ประเทศจีนได้เปิดเผยทิศทางนโยบายเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ในขณะที่ข้อมูลอย่างเป็นทางการนั้นไม่ได้กล่าวถึงปัญหาในบางประเด็น อย่างไรก็ตาม ก็ได้ไขข้อข้องใจของนโยบายสำคัญหลายประการได้
นโยบายระดับมหภาค
สำนักโปลิตบูโรได้เน้นย้ำจุดยืนในด้านต่างๆ เช่น นโยบายการคลังเชิงรุก (proactive fiscal policy) การเงินผ่อนคลายอย่างรอบคอบ (prudent monetary policy) เสถียรภาพของค่าเงินหยวน ตลาดทุนที่มีชีวิตชีวามากกว่าเดิม และมาตรการเพื่อจัดการกับความเสี่ยงทางด้านการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น จุดยืนด้านต่างๆ นี้ได้บอกเป็นนัยว่าอาจจะเกิดการลดภาษีและค่าธรรมเนียมแ ละการออกพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นแบบพิเศษสำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ตอกย้ำความคาดหวังว่าการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างจำกัด
อสังหาริมทรัพย์
โปลิตบูโรได้ลบสิ่งที่สำคัญออกจากรายงานการประชุมเมื่อเดือนเมษายน ส่งสัญญาณถึงท่าทีของกฎระเบียบของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่อนคลายมากขึ้น ในขณะที่ตลาดคาดหวังว่าจะมีการผ่อนปรนเพิ่มเติมเพื่อจัดการกับภาวะตกต่ำของตลาดที่อยู่อาศัย โปลิตบูโรตั้งค่าสถานะแนวทาง “ตามผังเมือง” มากกว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งประเทศ ซึ่งการเรียกร้องที่อยู่อาศัยที่ “ราคาไม่แพงมาก” แสดงให้เห็นถึงการลงทุนจากรัฐกับโครงการใหม่่
หนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น
โปลิตบูโรประกาศแผนแก้ไขความเสี่ยงที่เกิดจากหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาทางด้านการเงินของรัฐบาลท้องถิ่นเป็นสิ่งสำคัญหลังจากฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์แตกในปี 2021
การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของครัวเรือน
สำนักโปลิตบูโรเน้นการพัฒนาการบริโภคภาคครัวเรือนให้เป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโต โดยมีความตั้งใจที่จะกระตุ้นการบริโภคในภาคต่างๆ เช่น รถยนต์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ของใช้ในครัวเรือน และส่งเสริมการท่องเที่ยว กีฬา ความบันเทิง และวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีมาตรการกระตุ้นรายได้ของครัวเรือนโดยตรงในทันที ทำให้นักเศรษฐศาสตร์บางคนผิดหวัง
การจ้างงาน
สำนักโปลิตบูโรเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างเสถียรภาพของการจ้างงานจากมุมมองในเชิงกลยุทธ์ โดยตระหนักถึงความเสี่ยงของความไม่มั่นคงทางสังคมที่เกิดขึ้นจากตลาดงานที่ซบเซา ผู้กำหนดนโยบายมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมความเชื่อมั่นและการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจจากผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย
แม้จีนจะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจและทำแผนการตามเป้าหมายที่จะเติบโตประมาณ 5% ในปี 2023 แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ ในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตนี้ต้องมีผลมาจากฐานที่ดีจากปีที่แห่งความท้าทายของประวัติศาสตร์เศรษฐกิจจีน นอกจากนี้ ความน่าประทับใจของตลาดจีนลดน้อยลงเนื่องจากจีนลงทุนประมาณ 40% ของ GDP ต่อปี ซึ่งมากกว่าสองเท่าของสหรัฐอเมริกา
แม้ว่าความมุ่งมั่นของจีนในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมองเห็นได้ชัดเจนก็ตาม แต่ประสิทธิภาพและผลกระทบของมาตรการเหล่านี้จะถูกควบคุมในระหว่างที่จีนกำลังดำเนินแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ผลกระทบต่อตลาดโลก: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและเงินหยวน
เงินหยวนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ในวันที่ 21 กรกฎาคม ก่อนการประชุมพรรคคอมมูนิสต์ของจีน เงินหยวนของจีนแดีดตัวขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากการปรับอัตราดอกเบี้ยรายวันโดย People’s Bank อย่างไรก็ตาม สกุลเงินต้องเผชิญกับแรงกดดันตลอดทั้งสัปดาห์เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ผู้ควบคุมสกุลเงินของจีนตอบสนองต่อสถานการณ์ตอนนี้โดยแสดงถึงความตั้งใจที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อหนุนเงินหยวน นอกจากนี้ รายงานของสื่อระบุว่าธนาคารของรัฐรายใหญ่เข้าแทรกแซงตลาดสกุลเงินด้วยการขายดอลลาร์เพื่อสนับสนุนเงินหยวน ซึ่งมีส่วนช่วยในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย
ท่ามกลางการหารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้วางแผนเศรษฐกิจชั้นนำของจีน ได้เปิดเผยความคิดริเริ่มใหม่ที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายด้านรถยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค แม้ว่ามาตรการเหล่านี้ตั้งใจที่จะให้การสนับสนุนที่จำเป็นอย่างมากต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว แต่ก็เพิ่มสภาพคล่อง และสร้างแรงกดดันให้กับเงินหยวนมากขึ้น
ปฏิกิริยาของตลาดและดอกเบี้ยของกองทุนเฮดจ์ฟันด์
แม้จะจีนจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา แต่ตลาดในวงกว้างก็ไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นแต่อย่างใด สะท้อนถึงอารมณ์ของตลาดที่ยังอยู่ในช่วงการเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง ในปีนี้ เงินหยวนสกุลเงินเอเชียสกุลหนึ่งที่มีผลประกอบการแย่ที่สุด โดยอ่อนค่าลง 4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ เป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก
ในบริบทของการเงินของฮ่องกง ดัชนี Hang Seng เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ 4.1% ปิดที่ 19,434.40 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ได้รับแรงหนุนจากหุ้นของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งเกิดจากแถลงการณ์การประชุมหลังการประชุมโปลิตบูโรของปักกิ่ง ส่งสัญญาณถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อต่อสู้กับตลาดที่อยู่อาศัยยที่ราคาตกอยู่
ดัชนี Hang Seng Tech เพิ่มขึ้น 6% ในขณะที่ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 2.1% นอกจากนี้ หุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ มีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากในชั่วข้ามคืนที่ 4.3% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งบ่งชี้ถึงความสนใจของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ หลังจากการประชุมโปลิตบูโรเมื่อเร็วๆ นี้ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกแสดงความสนใจเพิ่มขึ้นในหุ้นจีน โดยเกิดการซื้อจำนวนมากในวันอังคารที่ 25 กรกฎาคม ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 ตามรายงานของ Goldman Sachs
การไหลเข้าของเงินที่สูงขึ้นมาจากหุ้น A-shares บนแผ่นดินใหญ่และหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงเป็นหลัก โดยมี American Depositary Receipts (ADRs) ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก ซึ่งไหลเข้าค่อนข้างน้อย รายงานระบุว่าการไหลเข้าส่วนใหญ่มาจาก Long-buy โดยมีส่วนน้อยกว่าจากการซื้อแบบ Short Covers
ในบรรดาภาคส่วนต่างๆ การตัดสินใจของผู้บริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต การเงิน วัสดุ และสินค้าอุตสาหกรรม เป็นผู้รับผลประโยชน์หลักจากการซื้อกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ตามที่ระบุโดยข้อมูลของ Goldman Sachs ความสนใจที่เพิ่มขึ้นในหุ้นจีนนี้สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจของประเทศ
ปัญหาในขณะนี้และอารมณ์ของตลาดที่ดีขึ้น
ในระหว่างการประชุม Politburo ครั้งล่าสุด การแสดงการสนับสนุนตลาดทุนและการประกาศมาตรการผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้หุ้นจีนดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงและดัชนี CSI 300 ของจีนค่อนข้างอ่อนแอตลอดทั้งปีเมื่อเทียบกับดัชนีสำคัญทั่วโลก ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังการแพร่ระบาด และความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกถอนตัวออกจากตลาดจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ความเสี่ยงของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ต่อตลาดหุ้นจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2022 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม อารมณ์ของตลาดกำลังดีขึ้นในเดือนกรกฎาคม โดยการซื้อสุทธิของต่างชาติในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านโครงการ China-Hong Kong Stock Connect สูงถึง 20,000 ล้านหยวน ทำให้เป็นเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ตามข้อมูลของทางการ สิ่งนี้ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในตัวนักลงทุนเอง
แม้จะเกิดปัจจัยในเชิงบวกเมื่อเร็วๆ นี้ แต่สถานการณ์ก็ยังเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กระตุ้นให้นักลงทุนติดตามพัฒนาการของนโยบายและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นจีน ตลาดทั่วโลกจะยังคงตอบสนองต่อวิถีทางเศรษฐกิจของจีนและความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อกลยุทธ์การลงทุนทั่วโลก
เศรษฐกิจของจีนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
การส่งเสริมเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัวขึ้นอยู่กับความร่วมมือและการมีส่วนร่วมภายในประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกจับตาดูวิถีเศรษฐกิจของจีนอย่างใกล้ชิด เศรษฐกิจของจีนยืนอยู่ที่หัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ โดยมีนัยยะสำคัญในระดับโลก การสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมการเติบโตและการบริหารความเสี่ยงจะเป็นหัวใจสำคัญในอนาคต
ในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก การตัดสินใจเชิงนโยบายและประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจของจีนจึงได้รับการพิจารณาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากความเชื่อมโยงระหว่างจีนกับนานาประเทศทั่วโลก การจัดลำดับความสำคัญของนโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่รอบคอบ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตรงเป้าหมาย และการส่งเสริมนวัตกรรมและการบริโภคภายในประเทศสามารถหนุนโอกาสทางเศรษฐกิจและนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ท้ายที่สุด การทำความเข้าใจความซับซ้อนเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการกำหนดกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและการตอบสนองเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสและลดความเสี่ยง
| เกี่ยวกับ Doo Prime
เครื่องมือการซื้อขายของเรา
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น
Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน
Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก
ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 22 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ
วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ
โทรศัพท์
ยุโรป : +44 11 3733 5199
เอเชีย : +852 3704 4241
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539
อีเมล
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค [email protected]
ฝ่ายขาย [email protected]
ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)
ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)
บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต
Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้
Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้
การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง
การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย
โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง
ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย
ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล